ตลาดเก็งงบหุ้นรายตัว ดัน SET INDEX ปิด +5.17 จุด แนะจับตา FED สัปดาห์หน้า

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

หุ้นไทยปิดตลาด +5.17 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ทยอยประกาศงบผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวออกมาดี โดยเฉพาะหุ้น เทคโนโลยีและการค้าปลีกออนไลน์อื่นๆ แนะจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อาจกลับมาสร้างแรงตึงเครียดอีกครั้ง และผลกระทบตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,650 จุด และแนวต้านที่ 1,680 จุด หากผ่านได้มีลุ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,700-1,720 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 4 ก.พ.2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.17 จุด หรือ +0.31% โดยปิดตลาดที่ 1,674.22 จุด มูลค่าการซื้อขาย 72,549.40 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนในวันนี้ SET INDEX ปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,678.72 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,672.39 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 661 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 587 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 982 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,563.94 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 868.22 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า 1,722.51 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -709.65 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,773.88 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,256.53 ล้านบาท ปิดที่ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,742.50 ล้านบาท ปิดที่ 139.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
4.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,035.45 ล้านบาท ปิดที่ 51.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,919.77 ล้านบาท ปิดที่ 416.00 บาท เพิ่มขึ้น 22.00 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่ 139.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.8%
2.TOP ปิดที่ 53.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 3.86%
3.CBG ปิดที่ 104.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.46%
4.PTTEP ปิดที่ 130.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.16%
5.KBANK ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.00%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 220.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.35%
2.INTUCH ปิดที่ 74.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.97%
3.SYNEX ปิดที่ 28.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 3.39%
4.AEONTS ปิดที่ 190.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.52%
5.CPALL ปิดที่ 62.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.18%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,284.20 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ 0.27% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,003.29 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด หรือ 0.31% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 650.01 จุด ลดลง -1.24 จุด หรือ -0.19%

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น หลังผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวออกมาดี โดยเฉพาะหุ้น Amazon.com (AMZN) และหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ นักลงทุนรอดูการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/64 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยคาดการณ์ว่าส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าไตรมาส 3/64 ทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นรายตัว

ขณะที่แนวโน้มการลงทุนสัปดาห์หน้า ประเมินว่าตลาดน่าจะย่อตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์ จากความกังวลต่อตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า และคาดจะปรับตัวขึ้นได้หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกแล้ว โดยมองแนวรับที่ 1,650 จุด และแนวต้านที่ 1,680 จุด ซึ่งหากผ่านได้มีลุ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,700-1,720 จุด

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket