EASTW เผยดีมานด์น้ำดิบเพิ่ม เร่งเจรจาลูกค้าใหม่หนุนผลงานโต

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก” ปี 65 เร่งเจรจาลูกค้ารายใหญ่ 5 ราย ศึกษาความเป็นไปได้เพื่อพัฒนาโครงการน้ำครบวงจรขนาดใหญ่พื้นที่ชลบุรี-ระยอง ดันผลงานโตต่อเนื่อง ขณะ 9 เดือนแรกปีนี้รายได้รวม 3,552 ล้านบาท แบ่งปันผลกลางปีหุ้นละ 18 สตางค์ คาดปริมาณการขายน้ำปี 64 โต 10% หรือกว่า 300 ล้านลูกบาศก์เมตร โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท รับผลดีราคาน้ำดิบเพิ่ม อีกทั้งการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนฟื้น

สายน้ำคือแหล่งกำเนิดชีวิต และเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เริ่มตั้งแต่การใช้น้ำในชีวิตประจำวันของคนทุกคน จนกระทั่งไปถึงการใช้น้ำเพื่อประกอบกิจการในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมอันเป็นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย เมื่อการขับเคลื่อนธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการน้ำ ใส่ใจการนำทรัพยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก้าวไปพร้อมกับการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม นั่นหมายถึงสายน้ำ คือ ตัวแทนสายสัมพันธ์แห่งชีวิตที่ยั่งยืน

บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW หรือเป็นที่คุ้นหูของนักลงทุนคืออีสต์วอเตอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำครบวงจร เพื่อสนับสนุนการเติบโตให้เขตอุตสาหกรรมหลักในพื้นที่ภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นน้ำดิบ น้ำอุตสาหกรรม น้ำประปา น้ำดื่ม การบำบัดน้ำเสีย และน้ำรีไซเคิล ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยลดการใช้พลังงาน ลดปริมาณน้ำสูญเสีย ตลอดจนต้นทุนการดูแลระบบ และไม่ลดทอนคุณภาพชีวิตของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา EASTW เป็นบริษัทบริหารจัดการน้ำที่มุ่งเน้นภาคตะวันออกเป็นหลัก และด้วยความเฉพาะทางคู่แข่งในธุรกิจจึงมีน้อย หุ้น EASTW แม้ราคาจะไม่หวือหวาและมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละเกินกว่า 20 ล้านบาท แต่บางวันดีดขึ้นไปถึง 50-60 ล้านบาท และ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ซื้อขายกันกว่า 148 ล้านบาท ก่อนจะแผ่วลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสู่ระดับปกติที่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปี 2564 เป็นปีที่มีความท้าทายของ EASTW ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวนและผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งบริษัทเดินหน้าทุกโครงการบริการน้ำครบวงจรเต็มที่ สนองความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้บริการน้ำดิบ น้ำอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสีย และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ทั้งในและนอกพื้นที่ภาคตะวันออก ส่งผลให้ปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างระบบผลิตน้ำครบวงจรในหลายพื้นที่ เช่น โครงการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง เฉลี่ยสูงสุด 7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการก่อสร้างและบริหารจัดการระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมให้แก่โรงไฟฟ้ากัลฟ์ จ.ระยอง เฉลี่ยสูงสุด 22 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการก่อสร้างและบริหารจัดการระบบประปาและบำบัดน้ำเสียพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เฉลี่ยสูงสุด 7.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี การบำบัดน้ำเสียเฉลี่ยสูงสุด 5.84 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่เฉลี่ยสูงสุด 1.83 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการก่อสร้างและบริหารจัดการระบบผลิตน้ำประปาให้แก่ วังจันทร์วัลเลย์เพื่อ EECi เฉลี่ยสูงสุด 1.1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการก่อสร้างและบริหารจัดการระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมให้บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด เฉลี่ยสูงสุด 1.46 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โครงการก่อสร้างและบริหารจัดการระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมให้ บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด เฉลี่ยสูงสุด 0.91 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในการให้บริการแก่พื้นที่นอกเขตภาคตะวันออกด้วย

รายได้ 9 เดือนแรกทะลุ 3.5 พันล้าน

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ EASTW กล่าวว่า ผลจากการที่มีงานหลายโครงการที่ EASTW ทำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้รวม 3,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 399 ล้านบาท ต้นทุนขายและบริการรวม รวม 1,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.06 ล้านบาท กําไรสุทธิอยู่ที่ 877.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.84 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายน้ำดิบ จำนวน 2,277.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 424.88 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2563 โดยหลักเนื่องจากปริมาณน้ำดิบจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนรวม 34.52 ล้าน ลบ.ม. รายได้จากการขายน้ำอุตสาหกรรม 14.03 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำอุตสาหกรรมจำหน่าย รวม 0.92 ล้าน ลบ.ม.

และจากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น EASTW จึงจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2564 ในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายรวมทั้งสิ้น 299.47 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา

ปัจจุบันราคาจำหน่ายน้ำดิบเฉลี่ย 11.11 บาท/ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 0.24 บาท/ลบ.ม. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ปริมาณการขายน้ำจะดีต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการขายปีนี้จะเติบโต 10% หรือมากกว่า 300 ล้านลูกบาศก์เมตร นายจิรายุทธ กล่าว

ก่อนหน้านี้ EASTW ลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัท ที ยูทิลิตี้ส์ จำกัด ร่วมกันศึกษาศักยภาพและความเป็นไปได้ของแหล่งน้ำเพื่อจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำดิบจากบ่อดินเอกชนในพื้นจังหวัดชลบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวถนนหมายเลข 331 สำหรับเป็นแหล่งน้ำต้นทุน ในพื้นที่ EEC 96 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี รองรับความต้องการใช้น้ำได้อย่างเพียงพอ

อีกทั้งลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการน้ำเสียในภาคตะวันออก (MOU) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการน้ำเสียในภาคตะวันออกและการนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ร่วมกับองค์การจัดการน้ำเสีย เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้น้ำทุกหยด และพัฒนาสู่การนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงศึกษารูปแบบการจัดเก็บค่าบริการที่เหมาะสม แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับกิจกรรมประเภทต่างๆในเขตพื้นที่ EEC เพื่อให้นำน้ำกลับมาใช้ใหม่และให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ถูกคัดเลือก บจ.ที่มีรายชื่อหุ้นยั่งยืน

จากผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ส่งผลให้ EASTW ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 146 บริษัทจดทะเบียนที่มีรายชื่ออยู่ในหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ล่าสุด ยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Award ประจำปี 2564 ในงานประกาศผลของประชาคมการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2564 จัดโดยสถาบันไทยพัฒน์ เป็นรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงถึงความยั่งยืนของธุรกิจ อันจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ และการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยรางวัลเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Award ถือเป็นรางวัลอันดับสูงสุดของการมอบรางวัลในครั้งนี้

“ปีนี้ EASTW ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงมั่นใจได้ว่า EASTW จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์เป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ และใส่ใจการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการบริการจัดการน้ำแบบครบวงจร สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำรองรับการเติบโตโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต” นายจิรายุทธ กล่าว

อย่างไรก็ดี ธุรกิจน้ำดิบของ EASTW มีโอกาสเติบโตจากปัจจัยหลักการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายผลักดันให้พื้นที่จังหวัด ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเมื่อพิจารณาศักยภาพของธุรกิจน้ำดิบถือว่ามีความพร้อมสูง ทั้งด้านการลงทุน ด้านเสถียรภาพแหล่งน้ำ และระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบ แต่สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยทำให้การลงทุนในพื้นที่ EEC ชะลอตัว

ปี 65 เร่งเจรจาลูกค้ารายใหญ่ 5 โครงการ

สำหรับแผนงานปี 2565 EASTW เดินหน้าเจรจาเพื่อบริหารจัดการน้ำกับลูกค้ารายใหญ่อีก 4-5 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่รองรับการเติบโตของ EASTW ซึ่งเป็นการเดินหน้าตอบสนองนโยบายของคณะกรรมการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีมติขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก 6 แห่ง เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและรองรับการลงทุนในอนาคต อันจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสเพิ่มจำนวนการให้บริการน้ำครบวงจรให้ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น เพราะพื้นที่ภาคตะวันออกมีความต้องการน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี

ขณะที่บริษัทอยู่ในระหว่างการเดินหน้าศึกษาโครงการ วอเตอร์ฟุตพรินต์ (Water Footprint) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ทั้งเรื่องของแนวทางการดำเนินงาน งบประมาณการลงทุน และระยะเวลาถึงจุดคุ้มทุน โดยจะเริ่มต้นในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ก่อน วอเตอร์ฟุตพรินต์เป็นตัวชี้วัดปริมาณการใช้น้ำทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนกระทั่งการส่งน้ำให้ลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ทราบปริมาณน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตของลูกค้าทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้สร้างโมเดลการให้บริการแบบเฉพาะเจาะจงให้ลูกค้าแต่ละราย ด้วยจุดประสงค์วัตถุสำคัญคือการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนโครงข่ายท่อเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ และรองรับการขยายพื้นที่การให้บริการในอนาคต รวมทั้งการหาพันธมิตรร่วมลงทุนในแต่ละโครงการตามความเหมาะสม เพื่อเสริมศักยภาพในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในแนวทางการพัฒนาโครงการน้ำครบวงจรขนาดใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และระยอง ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเป็นรายโครงการเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด นายจิรายุทธ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาศักยภาพของธุรกิจน้ำดิบถือว่ามีความพร้อมสูง ทั้งด้านการลงทุน ด้านเสถียรภาพแหล่งน้ำ และระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบ จึงมั่นใจได้ว่า EASTW จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำรองรับการเติบโตทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตามวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ

โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท

บล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำ “BUY” ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท/หุ้น หลัง EASTW รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 229 ล้านบาท ซึ่งกำไรที่ฟื้นตัวแรงจากปีก่อนเพราะได้แรงหนุนนจากปริมาณขายน้ำดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 62.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนแต่ลดลง 11% จากไตรมาสก่อน กำไรที่อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน จากปริมาณน้ำที่ขายลดลงเพราะผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ประกอบกับปัจจัยทางฤดูกาลอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงมาอยู่ที่ 40.5% จาก 42.5% ในไตรมาส 2 ตามปริมาณขายน้ำที่ลดลงและคาดกำไร ไตรมาส 4 จะปรับตัวขึ้น หนุนจากอุปสงค์การใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ โดยเดือน ต.ค. ปริมาณขายน้ำดิบอยู่ที่ 19.4 ล้าน ลูกบาศก์เมตร

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket